ความเห็นนี้เป็นการวิเคราะห์เฉพาะรถมอไซค์ (บิ๊คไบค์อย่างเดียวนะครับ) เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์เล็ก ที่เป็นมอเตอร์ไซค์ตลาดทั่วไป จะไม่เอ่ยว่าระบบใดดีกว่ากัน เพราะทุกระบบมีข้อเด่นหมด มีข้อด้อยหมด แตกต่างกันครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้ตามความเหมาะสมครับ
1:ขับเคลื่อนด้วยโซ่ (CHAIN)
พบเห็นได้ทั่วไปเนื่องจากว่าเป็นระบบขับเคลื่อนมอไซค์พื้นฐานที่มีราคาถูกที่สุด จึงนิยมแพร่หลาย
ข้อเด่น
- ชิ้นส่วนมีราคาถูก หาซื้อได้ทั่วไป
- ปรับอัตราทดได้ง่ายและประหยัดที่สุด จึงนิยมทำการปรับแต่งมากกว่าแบบอื่น
- การสูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังไม่มาก จึงเหมาะกับพวกรถสปอร์ตที่ต้องการความเร็ว
- การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังง่ายกว่า ประหยัดกว่า ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า จึงมีน้ำหนักเบา
ข้อด้อย
- เสียงดังกว่าระบบอื่นๆ
- ต้องคอยหมั่นบำรุงรักษาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดโซ่ สเตอร์ การปรับตั้ง การหล่อลื่น
- ชิ้นส่วนการขับเคลื่อนถือเป็นวัสดุสิ้นเปลือง เป็นชิ้นส่วนที่มีการสึกหรอได้ จึงต้องคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ตามการสึกหรอ
- เลอะเทอะ เนื่องจากโซ่จะดีด ทั้งน้ำมันหล่อลื่อโซ่ ฝุ่นผง ตลอดจนของเหลวบนถนนที่เกาะโซ่ กระเด็ดดีดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาตามสภาพถนนและการหยอดน้ำมันโซ่
2:ขับเคลื่อนด้วยเพลา (SHAFT)
ผู้นำระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ที่รู้กันโดยทั่วไปก็คือ BMW, Moto Guzzi ระบบเพลาจะใช้ในมอเตอร์ไซค์ที่เน้นแรงบิดเยอะเป็นหลัก ความเร็วรอบไม่สูงมาก ทนทานต่อแรงกระชากมากๆ ส่วนมากใช้ในรถทัวร์ริ่งเน้นทนทานวิ่งไกลไม่เน้นความเร็วสูง เพราะ...เน้น แรงบิดเยอะเป็นหลัก ไม่เน้นขี่ความเร็วสูง ส่วนมากใช้ในรถสไตล์ทัวร์ริ่งเน้นทนทานวิ่งไกลแต่ไม่เน้นความเร็วสูง
ข้อเด่น
- ทนทาน อายุใช้งานที่ยาวนานที่สุด สุด สุด
- เกือบไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาเลย (Maintenance Free) ยกเว้นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองทุกระยะ 20000-40000โล แค่นั้น
- เป็นระบบปิด (Total Enclosed) ระบบขับเคลื่อนจึงไม่มีการสัมผัสกับฝุ่นทราย หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆจากภายนอก
- การออกแบบการวางเครื่อง สามารถทำได้บรรเจิด เนื่องจากวางได้ทั้งตามแนว และตามขวาง
- นิ่มนวลกว่าใช้ระบบโซ่ขับเคลื่อน
- เน้นพละกำลังการขับเคลื่อนที่มากกว่า จึงเหมาะใช้กับเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูง (High Torque) ถ้าใช้อย่างอื่นจะเสียหายได้ง่ายกว่า
ข้อด้อย
- สูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังมากกว่าระบบอื่น มีเฟืองขบกันหลายตัว อุปกรณ์ร่วมหลายชิ้น ทำให้มีน้ำหนักมากกว่าระบบอื่น
- การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังยากกว่า และวัสดุที่ใช้ทำเพลา เฟือง และระบบขับเคลื่อนภายใน ต้องใช้ชิ้นส่วนที่ทำจากวัสดุราคาแพง เนื่องจากวัสดุต้องมีค่า Strength สูงมาก ทนต่อแรงบิดสูงๆได้ดี (เช่น CrMo ที่มีค่า strength สูงกว่าสแตนเลสประมาณ 10 เท่า)
3:ขับเคลื่อนด้วยสายพาน (Belt)
ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ในระบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน ก็พวกมอไซค์แบบออโตเมติคทั่วไป หรือแบบสกูเตอร์ หรือบิ๊คสกูเตอร์ เช่น ฟีโน่ สกูปี้ เจลาโต้ ทีแม็กซ์ สกายเวป แต่ถ้าไม่ได้เป็นรถเล็กแล้วละก็ชาวไบค์ก็มักจะนึกถึงแต่ Harley Davidson และ Big Scooter แค่นั้น (แม้ BMW จะมีระบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน แต่ชาวไบค์ก็มักจะมองข้าม เพราะ BMW นั้น เน้นระบบเพลามากกว่า)
ข้อเด่น
- เงียบ การขับเคลื่อนนุ่มนวล
- ไม่ต้องหมั่นดูแลรักษาเหมือนโซ่
- การสูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังไม่มาก การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังง่ายกว่า ประหยัดกว่า ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า จึงมีน้ำหนักเบา
- ไม่จำเป็นต้องใช้การทดรอบแบบตายตัว (เฉพาะมอไซค์สกูเตอร์แบบออโตเมติก)
ข้อด้อย
- ทนแรงกระชากมากไม่ได้ ฉีกขาดได้ง่ายที่สุด ต้องคอยระวังสิ่งของมีคมต่างๆที่อยู่ตามท้องถนนไม่ว่าจะเป็นเศษหิน เศษไม้ ต่างๆกระเด็นจากรถคันอื่นมาดีดถูกสายพาน
- ต้องคอยระแวดระวังสายพานจากน้ำมันที่อาจจะหยด จากการไล่น้ำมันเบรค หรือพวกสเปรย์น้ำมันอเนกประสงค์ต่างๆ ขณะบำรุงรักษาชิ้นส่วนอื่นๆของมอไซค์
- สายพานถือเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ที่ต้องคอยเปลียนตามอายุการใช้งาน แม้ระยะทางไม่ถึง แต่อายุถึง ก็ควรเปลี่ยนทิ้ง เนื่องจากสายพานเสื่อมสภาพได้ง่ายที่สุด
- หาซื้ออะไหล่ยาก ลำบากกว่าโซ่มาก และมีราคาแพง ส่วนใหญ่ต้องเป็นร้านเฉพาะ หรือศูนย์ที่ขายรถเฉพาะยี่ห้อนั้นๆเท่านั้น (ไม่นับรวมมอไซค์ออโตเมติกที่เป็นรถตลาด ไม่เกิน 200cc)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น