วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

โซ่ chain เพลา SHAFT หรือ สายพาน Belt

ความเห็นนี้เป็นการวิเคราะห์เฉพาะรถมอไซค์ (บิ๊คไบค์อย่างเดียวนะครับ) เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์เล็ก ที่เป็นมอเตอร์ไซค์ตลาดทั่วไป  จะไม่เอ่ยว่าระบบใดดีกว่ากัน เพราะทุกระบบมีข้อเด่นหมด มีข้อด้อยหมด แตกต่างกันครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้ตามความเหมาะสมครับ

1:ขับเคลื่อนด้วยโซ่ (CHAIN)
พบเห็นได้ทั่วไปเนื่องจากว่าเป็นระบบขับเคลื่อนมอไซค์พื้นฐานที่มีราคาถูกที่สุด จึงนิยมแพร่หลาย

ข้อเด่น
  1. ชิ้นส่วนมีราคาถูก หาซื้อได้ทั่วไป 
  2. ปรับอัตราทดได้ง่ายและประหยัดที่สุด จึงนิยมทำการปรับแต่งมากกว่าแบบอื่น
  3. การสูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังไม่มาก จึงเหมาะกับพวกรถสปอร์ตที่ต้องการความเร็ว 
  4. การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังง่ายกว่า ประหยัดกว่า ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า จึงมีน้ำหนักเบา 
ข้อด้อย
  1. เสียงดังกว่าระบบอื่นๆ
  2. ต้องคอยหมั่นบำรุงรักษาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดโซ่ สเตอร์ การปรับตั้ง การหล่อลื่น
  3. ชิ้นส่วนการขับเคลื่อนถือเป็นวัสดุสิ้นเปลือง เป็นชิ้นส่วนที่มีการสึกหรอได้ จึงต้องคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ตามการสึกหรอ
  4. เลอะเทอะ เนื่องจากโซ่จะดีด ทั้งน้ำมันหล่อลื่อโซ่ ฝุ่นผง ตลอดจนของเหลวบนถนนที่เกาะโซ่ กระเด็ดดีดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาตามสภาพถนนและการหยอดน้ำมันโซ่

2:ขับเคลื่อนด้วยเพลา (SHAFT)
ผู้นำระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ที่รู้กันโดยทั่วไปก็คือ BMW, Moto Guzzi ระบบเพลาจะใช้ในมอเตอร์ไซค์ที่เน้นแรงบิดเยอะเป็นหลัก ความเร็วรอบไม่สูงมาก ทนทานต่อแรงกระชากมากๆ ส่วนมากใช้ในรถทัวร์ริ่งเน้นทนทานวิ่งไกลไม่เน้นความเร็วสูง เพราะ...เน้น แรงบิดเยอะเป็นหลัก ไม่เน้นขี่ความเร็วสูง ส่วนมากใช้ในรถสไตล์ทัวร์ริ่งเน้นทนทานวิ่งไกลแต่ไม่เน้นความเร็วสูง

ข้อเด่น
  1. ทนทาน อายุใช้งานที่ยาวนานที่สุด สุด สุด 
  2. เกือบไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาเลย (Maintenance Free) ยกเว้นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองทุกระยะ 20000-40000โล แค่นั้น
  3. เป็นระบบปิด (Total Enclosed) ระบบขับเคลื่อนจึงไม่มีการสัมผัสกับฝุ่นทราย หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆจากภายนอก
  4. การออกแบบการวางเครื่อง สามารถทำได้บรรเจิด เนื่องจากวางได้ทั้งตามแนว และตามขวาง
  5. นิ่มนวลกว่าใช้ระบบโซ่ขับเคลื่อน 
  6. เน้นพละกำลังการขับเคลื่อนที่มากกว่า จึงเหมาะใช้กับเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูง (High Torque) ถ้าใช้อย่างอื่นจะเสียหายได้ง่ายกว่า
ข้อด้อย
  1. สูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังมากกว่าระบบอื่น มีเฟืองขบกันหลายตัว อุปกรณ์ร่วมหลายชิ้น ทำให้มีน้ำหนักมากกว่าระบบอื่น 
  2. การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังยากกว่า และวัสดุที่ใช้ทำเพลา เฟือง และระบบขับเคลื่อนภายใน ต้องใช้ชิ้นส่วนที่ทำจากวัสดุราคาแพง เนื่องจากวัสดุต้องมีค่า Strength  สูงมาก ทนต่อแรงบิดสูงๆได้ดี (เช่น CrMo ที่มีค่า strength สูงกว่าสแตนเลสประมาณ 10 เท่า)

3:ขับเคลื่อนด้วยสายพาน (Belt)
ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ในระบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน ก็พวกมอไซค์แบบออโตเมติคทั่วไป หรือแบบสกูเตอร์ หรือบิ๊คสกูเตอร์ เช่น ฟีโน่ สกูปี้ เจลาโต้ ทีแม็กซ์ สกายเวป แต่ถ้าไม่ได้เป็นรถเล็กแล้วละก็ชาวไบค์ก็มักจะนึกถึงแต่ Harley Davidson และ Big Scooter แค่นั้น (แม้ BMW จะมีระบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน แต่ชาวไบค์ก็มักจะมองข้าม เพราะ BMW นั้น เน้นระบบเพลามากกว่า)

ข้อเด่น
  1. เงียบ การขับเคลื่อนนุ่มนวล
  2. ไม่ต้องหมั่นดูแลรักษาเหมือนโซ่
  3. การสูญเสียกำลังขับส่งถ่ายไปสู่ล้อหลังไม่มาก การออกแบบระบบกันสะเทือนหลังง่ายกว่า ประหยัดกว่า ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า จึงมีน้ำหนักเบา  
  4. ไม่จำเป็นต้องใช้การทดรอบแบบตายตัว (เฉพาะมอไซค์สกูเตอร์แบบออโตเมติก)
ข้อด้อย
  1. ทนแรงกระชากมากไม่ได้  ฉีกขาดได้ง่ายที่สุด ต้องคอยระวังสิ่งของมีคมต่างๆที่อยู่ตามท้องถนนไม่ว่าจะเป็นเศษหิน เศษไม้ ต่างๆกระเด็นจากรถคันอื่นมาดีดถูกสายพาน
  2. ต้องคอยระแวดระวังสายพานจากน้ำมันที่อาจจะหยด จากการไล่น้ำมันเบรค หรือพวกสเปรย์น้ำมันอเนกประสงค์ต่างๆ ขณะบำรุงรักษาชิ้นส่วนอื่นๆของมอไซค์
  3. สายพานถือเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ที่ต้องคอยเปลียนตามอายุการใช้งาน แม้ระยะทางไม่ถึง แต่อายุถึง ก็ควรเปลี่ยนทิ้ง เนื่องจากสายพานเสื่อมสภาพได้ง่ายที่สุด
  4. หาซื้ออะไหล่ยาก ลำบากกว่าโซ่มาก และมีราคาแพง ส่วนใหญ่ต้องเป็นร้านเฉพาะ หรือศูนย์ที่ขายรถเฉพาะยี่ห้อนั้นๆเท่านั้น  (ไม่นับรวมมอไซค์ออโตเมติกที่เป็นรถตลาด ไม่เกิน 200cc)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น