เมื่อบ็อบบี ฟิชเชอร์ (Bobby Fischer) ถูกจับในญี่ปุ่นเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2547 ผมบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจ ด้านหนึ่งผมรู้สึกดีใจที่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับฟิชเชอร์ อีกด้านหนึ่งรู้สึกเสียใจที่ฟิชเชอร์สูญเสียอิสรภาพ
ผมชอบกีฬาหมากรุกเป็นชีวิตจิตใจ เคยนั่งเล่นหมากรุกตั้งแต่รับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยไปจนถึงรุ่งสาง เมื่อมีการแข่งขันหมากรุกระหว่างประเทศ ก็เฝ้าติดตามชนิดเกาะติด ทุกวันนี้ เมื่ออ่าน The Financial Times ฉบับวันเสาร์-อาทิตย์ คอลัมน์หมากรุกเป็นคอลัมน์แรกที่เลือกอ่าน ความข้อนี้รวมถึงนิตยสาร The Spectator ด้วย
ผู้คนที่คลั่งไคล้กีฬาหมากรุก คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักบ็อบบี ฟิชเชอร์ ผมเองนอกจากจะชื่นชมอัจฉริยภาพด้านหมากรุกของฟิชเชอร์แล้ว ยังมีโอกาสพัฒนาทักษะการเล่นหมากรุกด้วยการอ่านหนังสือที่ฟิชเชอร์แต่งอีกด้วย ผมเข้าใจว่า ฟิชเชอร์เขียนหนังสือหมากรุกเพียง 2 เล่ม อันได้แก่ Bobby Fischer Teaches Chess (1966) และ My 60 Memorable Games (1969) แต่มีผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับฟิชเชอร์นับสิบเล่ม
บ็อบบี ฟิชเชอร์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2486 ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา บิดาเป็นชาวเยอรมันอพยพ มีอาชีพเป็นนักฟิสิกส์ มารดาประกอบหลายอาชีพ ตั้งแต่ครู นางพยาบาล และแพทย์ บิดามารดาหย่าร้างกัน โดยมารดาเป็นผู้เลี้ยงดูฟิชเชอร์ตั้งแต่เยาว์วัย
ฟิชเชอร์เริ่มหัดเล่นหมากรุกตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ครั้นเมื่ออายุ 13 ขวบ มารดาขอให้จอห์น ดับบลิว คอลลินส์ (John W. Collins) เป็นครูสอนหมากรุก คอลลินส์เป็นครูหมากรุกที่มีชื่อเสียง ลูกศิษย์หลายคนเป็นนักหมากรุกชั้นยอดของสหรัฐอเมริกา ดังเช่นโรเบิร์ต ไบร์น (Robert Byrne) และวิลเลียม ลอมบาร์ดี (William Lombardy) ฟิชเชอร์สนิทกับครูคอลลินส์มาก บางครั้งคลุกอยู่ในบ้านคอลลินส์เกือบตลอดทั้งวัน จนเข้าใจกันทั่วไปว่า ฟิชเชอร์นับคอลลินส์เป็นพ่อบุญธรรม
ฟิชเชอร์ชอบเก็บตัว และมีปัญหามนุษยสัมพันธ์ เข้ากับคนอื่นมิได้ เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และหันไปเอาดีในการเล่นหมากรุก จนได้ตำแหน่งชนะเลิศ U.S. Junior Championship ในปี 2499 ต่อมาจึงเขยิบขึ้นเป็นเล่นกับนักหมากรุกชั้นยอด เกมการแข่งขัน Fischer v Donald Byrne ในปี 2499 ได้รับยกย่องว่าเป็น The Game of the Century ในที่สุด ฟิชเชอร์ก็ได้ครองตำแหน่งชนะเลิศหมากรุกแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 2501 และมีสิทธิที่จะเข้าแข่งขันชิงชนะเลิศระดับโลก
ฟิชเชอร์เขยิบขึ้นไปเป็น International Grandmaster และค่อยๆ คืบคลานไปแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลก ไล่ปราบมาร์ก ไตมานอฟ (Mark Taimanov) เบนต์ ลาร์สัน (Bent Larson) และท้ายที่สุดติกราน เปโตรเซียน (Tigran Petrosian) อดีตแชมป์โลกจนมีสิทธิที่จะแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลกจากบอริส สปาสสกี (Boris Spassky) ในปี 2514
ตำแหน่งแชมป์หมากรุกโลกผูกขาดโดยนักหมากรุกชาวรัสเซีย ตลอดช่วงเวลาหลังสงครามโลก ฟิชเชอร์โจมตีว่า ระเบียบการแข่งขันเปิดช่องให้นักหมากรุกรัสเซียยึดพื้นที่ได้มากกว่านักหมากรุกชาติอื่น เพราะนักหมากรุกชาติอื่นต้องฝ่า "ดงตีน" นักหมากรุกรัสเซีย กว่าจะหลุดเข้าไปชิงตำแหน่งแชมป์โลกกับนักหมากรุกรัสเซียอีกเช่นกัน
การชิงชนะเลิศหมากรุกโลก ณ กรุง Reykjavik ประเทศไอซ์แลนด์ในปี 2515 นอกจากจะเป็นการประกาศศักดาในกีฬาในร่มประเภทนี้แล้ว ยังเป็นการทำสงครามเย็นขั้นสุดท้ายอีกด้วย ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่นักหมากรุกอเมริกันสามารถหลุดเข้ากับชิงตำแหน่งกับนักหมากรุกรัสเซียได้
ในเวลานั้น ฟิชเชอร์อารมณ์แปรปรวน และส่ออาการโรคประสาท ฟิชเชอร์มีข้อเรียกร้องคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันต่างๆ นานา ไม่ต่างไปจากการขออภิสิทธิ์ มีรายงานข่าวว่า ฟิชเชอร์เลาะสารที่ใช้อุดฟันออกจากปากทั้งหมด เพราะเกรงว่า รัสเซียจะส่งคลื่นวิทยุรบกวนสมองขณะกำลังแข่งขัน แม้คณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันจะเอาใจฟิชเชอร์มากปานใด แต่ฟิชเชอร์ทำท่างอแงจะไม่เข้าแข่งขัน จนมีรายงานข่าวว่า นายเฮนรี คิสซิงเจอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องร้องขอแกมกดดันให้ฟิชเชอร์เห็นแก่ประเทศชาติ ฟิชเชอร์ปรากฏตัวเข้าแข่งขัน โดยที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะฝีปากของนายคิสซิงเจอร์ หรือฝีมือของนายจิม สเลเตอร์ (Jim Slater) นายทุนชาวอังกฤษที่โปะเงินรางวัลอีก 125,000 ดอลลาร์อเมริกัน รวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น 250,000 ดอลลาร์อเมริกัน
ฟิชเชอร์แพ้การแข่งขันในเกมที่หนึ่งอย่างชนิดมิควรจะแพ้ แต่แล้วกลับงอแงไม่เข้าแข่งขันในเกมที่สอง จนถูกปรับให้แพ้ เมื่อทำใจที่จะเข้าแข่งขันต่อไป ฟิชเชอร์ก็เดินเครื่องจนได้ตำแหน่งแชมป์โลก ฟิชเชอร์กลายเป็นวีรบุรุษแห่งสงครามเย็น เพราะสหรัฐอเมริกาชนะรัสเซียแม้แต่ในกระดานหมากรุก ไม่มีใครกล่าวขวัญถึงบอริส สปาสสกี ผู้แพ้ ทั้งๆ ที่สปาสสกีสมควรได้รับยกย่องให้เป็นสุภาพบุรุษแห่งสงครามเย็น ตลอดช่วงเวลาที่ฟิชเชอร์งอแง และแสดงอาการฟาดงวงฟาดงา สปาสสกีต้องสูญเสียสมาธิในการแข่งขันมากน้อยเพียงใด ไม่มีการกล่าวถึงในสื่อมวลชนอเมริกัน แม้สปาสสกีจะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลโซเวียตให้ยื่นคำร้องให้ฟิชเชอร์แพ้การแข่งขัน เนื่องจากไม่เข้าแข่งขันในเกมที่สอง สปาสสกีเมินเฉยต่อคำสั่งนั้น ผลที่ได้รับก็คือ เมื่อสปาสสกีกลับสู่มาตุภูมิ ก็ถูกรัฐบาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
อารมณ์อันแปรปรวนและสภาพจิตที่ไร้เสถียรภาพ ทำให้ฟิชเชอร์ไม่ยอมป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกกับอนาโตลี คาร์ปอฟ (Anatoly Karpov) ในปี 2518 และถูก FIDE ถอดออกจากตำแหน่ง
ฟิชเชอร์หายไปจากสังคม 20 ปี แต่ทนกลิ่นเงินกลิ่นทองมิได้ โผล่ขึ้นมาแข่งหมากรุกกับสปาสสกีคู่ปรับเก่าอีกในปี 2535 โดยมีการประโคมข่าวว่า เป็น Revenge Match of the 20th Century ด้วยเหตุที่การแข่งขันจัดในยูโกสลาเวีย และยูโกสลาเวียถูกสหประชาชาติคว่ำบาตร (Sanction) ในฐานก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฟิชเชอร์ได้รับจดหมายเตือนจากกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาในเรื่องนี้ เพราะการเข้าไปแข่งขันหมากรุกในยูโกสลาเวียโดยรับเงินรางวัล ถือเป็นการประกอบพาณิชยกรรม อันมีความผิดทางอาญา
โทษทางอาญามิอาจยับยั้งฟิชเชอร์ได้ แต่การแข่งขันที่เรียกว่า Revenge Match of the 20th Century จืดชืด ไม่ตื่นตาตื่นใจ เพราะคู่แข่งขันเลยวัยปราดเปรื่องและเรื้อเวที
ภายหลังการแข่งขันปี 2535 ฟิชเชอร์หายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง โดยที่เข้าใจกันว่า ฟิชเชอร์หลบซ่อนอยู่ในยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮังการี แล้วโฉบมาอยู่อาเซียบูรพา เดินทางเข้าออกระหว่างฟิลิปปินส์กับญี่ปุ่น ฟิชเชอร์มิได้กลับไปสหรัฐอเมริกาอีกเลย ไม่ได้แม้แต่ร่วมงานศพมารดาและพี่สาว
ฟิชเชอร์ถูกจับ ณ สนามบินนาริตะ ในนครโตเกียว ในขณะที่กำลังเดินทางไปฟิลิปปินส์ โดยมิได้เฉลียวใจว่า หนังสือเดินทางสิ้นอายุ ฟิชเชอร์ดิ้นรนจะขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ญี่ปุ่นมีสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นคงต้องรักษาพันธสัญญา
ในสายตาของชนชั้นปกครองอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลบุช ฟิชเชอร์เป็นไอ้ตัวร้าย เพราะเมื่อ World Trade Center ถูกผู้ก่อการร้ายถล่มเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ฟิชเชอร์ให้สัมภาษณ์ Radio Bombo ใน Baguio City ประเทศฟิลิปปินส์ว่า เป็นข่าวดีอันสมควรแก่การปรบมือ ฟิชเชอร์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาก่อกรรมทำเข็ญแก่มนุษยโลกเป็นอันมาก รวมทั้งการเกื้อกูลให้อิสราเอลเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์นานนับปี
ฟิชเชอร์คงต้องเป็นผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลอเมริกันมิอาจลงโทษฟิชเชอร์โดยอ้างบทสัมภาษณ์วิทยุดังกล่าวได้ แต่สามารถลงโทษโดยอ้าง "อาชญากรรม" ในยูโกสลาเวียได้
บ็อบบี ฟิชเชอร์ คงต้องติดคุก เพราะเล่นหมากรุก
แต่จอร์จ บุช จูเนียร์ ผู้ส่งกองทัพเข้าไปเข่นฆ่าประชาชนชาวอิรักผู้บริสุทธิ์ กลับลอยนวลอยู่นอกคุก
ฟิชเชอร์เขยิบขึ้นไปเป็น International Grandmaster และค่อยๆ คืบคลานไปแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลก ไล่ปราบมาร์ก ไตมานอฟ (Mark Taimanov) เบนต์ ลาร์สัน (Bent Larson) และท้ายที่สุดติกราน เปโตรเซียน (Tigran Petrosian) อดีตแชมป์โลกจนมีสิทธิที่จะแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลกจากบอริส สปาสสกี (Boris Spassky) ในปี 2514
ตำแหน่งแชมป์หมากรุกโลกผูกขาดโดยนักหมากรุกชาวรัสเซีย ตลอดช่วงเวลาหลังสงครามโลก ฟิชเชอร์โจมตีว่า ระเบียบการแข่งขันเปิดช่องให้นักหมากรุกรัสเซียยึดพื้นที่ได้มากกว่านักหมากรุกชาติอื่น เพราะนักหมากรุกชาติอื่นต้องฝ่า "ดงตีน" นักหมากรุกรัสเซีย กว่าจะหลุดเข้าไปชิงตำแหน่งแชมป์โลกกับนักหมากรุกรัสเซียอีกเช่นกัน
การชิงชนะเลิศหมากรุกโลก ณ กรุง Reykjavik ประเทศไอซ์แลนด์ในปี 2515 นอกจากจะเป็นการประกาศศักดาในกีฬาในร่มประเภทนี้แล้ว ยังเป็นการทำสงครามเย็นขั้นสุดท้ายอีกด้วย ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่นักหมากรุกอเมริกันสามารถหลุดเข้ากับชิงตำแหน่งกับนักหมากรุกรัสเซียได้
ในเวลานั้น ฟิชเชอร์อารมณ์แปรปรวน และส่ออาการโรคประสาท ฟิชเชอร์มีข้อเรียกร้องคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันต่างๆ นานา ไม่ต่างไปจากการขออภิสิทธิ์ มีรายงานข่าวว่า ฟิชเชอร์เลาะสารที่ใช้อุดฟันออกจากปากทั้งหมด เพราะเกรงว่า รัสเซียจะส่งคลื่นวิทยุรบกวนสมองขณะกำลังแข่งขัน แม้คณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันจะเอาใจฟิชเชอร์มากปานใด แต่ฟิชเชอร์ทำท่างอแงจะไม่เข้าแข่งขัน จนมีรายงานข่าวว่า นายเฮนรี คิสซิงเจอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องร้องขอแกมกดดันให้ฟิชเชอร์เห็นแก่ประเทศชาติ ฟิชเชอร์ปรากฏตัวเข้าแข่งขัน โดยที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะฝีปากของนายคิสซิงเจอร์ หรือฝีมือของนายจิม สเลเตอร์ (Jim Slater) นายทุนชาวอังกฤษที่โปะเงินรางวัลอีก 125,000 ดอลลาร์อเมริกัน รวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น 250,000 ดอลลาร์อเมริกัน
ฟิชเชอร์แพ้การแข่งขันในเกมที่หนึ่งอย่างชนิดมิควรจะแพ้ แต่แล้วกลับงอแงไม่เข้าแข่งขันในเกมที่สอง จนถูกปรับให้แพ้ เมื่อทำใจที่จะเข้าแข่งขันต่อไป ฟิชเชอร์ก็เดินเครื่องจนได้ตำแหน่งแชมป์โลก ฟิชเชอร์กลายเป็นวีรบุรุษแห่งสงครามเย็น เพราะสหรัฐอเมริกาชนะรัสเซียแม้แต่ในกระดานหมากรุก ไม่มีใครกล่าวขวัญถึงบอริส สปาสสกี ผู้แพ้ ทั้งๆ ที่สปาสสกีสมควรได้รับยกย่องให้เป็นสุภาพบุรุษแห่งสงครามเย็น ตลอดช่วงเวลาที่ฟิชเชอร์งอแง และแสดงอาการฟาดงวงฟาดงา สปาสสกีต้องสูญเสียสมาธิในการแข่งขันมากน้อยเพียงใด ไม่มีการกล่าวถึงในสื่อมวลชนอเมริกัน แม้สปาสสกีจะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลโซเวียตให้ยื่นคำร้องให้ฟิชเชอร์แพ้การแข่งขัน เนื่องจากไม่เข้าแข่งขันในเกมที่สอง สปาสสกีเมินเฉยต่อคำสั่งนั้น ผลที่ได้รับก็คือ เมื่อสปาสสกีกลับสู่มาตุภูมิ ก็ถูกรัฐบาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
อารมณ์อันแปรปรวนและสภาพจิตที่ไร้เสถียรภาพ ทำให้ฟิชเชอร์ไม่ยอมป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกกับอนาโตลี คาร์ปอฟ (Anatoly Karpov) ในปี 2518 และถูก FIDE ถอดออกจากตำแหน่ง
ฟิชเชอร์หายไปจากสังคม 20 ปี แต่ทนกลิ่นเงินกลิ่นทองมิได้ โผล่ขึ้นมาแข่งหมากรุกกับสปาสสกีคู่ปรับเก่าอีกในปี 2535 โดยมีการประโคมข่าวว่า เป็น Revenge Match of the 20th Century ด้วยเหตุที่การแข่งขันจัดในยูโกสลาเวีย และยูโกสลาเวียถูกสหประชาชาติคว่ำบาตร (Sanction) ในฐานก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฟิชเชอร์ได้รับจดหมายเตือนจากกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาในเรื่องนี้ เพราะการเข้าไปแข่งขันหมากรุกในยูโกสลาเวียโดยรับเงินรางวัล ถือเป็นการประกอบพาณิชยกรรม อันมีความผิดทางอาญา
โทษทางอาญามิอาจยับยั้งฟิชเชอร์ได้ แต่การแข่งขันที่เรียกว่า Revenge Match of the 20th Century จืดชืด ไม่ตื่นตาตื่นใจ เพราะคู่แข่งขันเลยวัยปราดเปรื่องและเรื้อเวที
ภายหลังการแข่งขันปี 2535 ฟิชเชอร์หายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง โดยที่เข้าใจกันว่า ฟิชเชอร์หลบซ่อนอยู่ในยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮังการี แล้วโฉบมาอยู่อาเซียบูรพา เดินทางเข้าออกระหว่างฟิลิปปินส์กับญี่ปุ่น ฟิชเชอร์มิได้กลับไปสหรัฐอเมริกาอีกเลย ไม่ได้แม้แต่ร่วมงานศพมารดาและพี่สาว
ฟิชเชอร์ถูกจับ ณ สนามบินนาริตะ ในนครโตเกียว ในขณะที่กำลังเดินทางไปฟิลิปปินส์ โดยมิได้เฉลียวใจว่า หนังสือเดินทางสิ้นอายุ ฟิชเชอร์ดิ้นรนจะขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ญี่ปุ่นมีสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นคงต้องรักษาพันธสัญญา
ในสายตาของชนชั้นปกครองอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลบุช ฟิชเชอร์เป็นไอ้ตัวร้าย เพราะเมื่อ World Trade Center ถูกผู้ก่อการร้ายถล่มเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ฟิชเชอร์ให้สัมภาษณ์ Radio Bombo ใน Baguio City ประเทศฟิลิปปินส์ว่า เป็นข่าวดีอันสมควรแก่การปรบมือ ฟิชเชอร์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาก่อกรรมทำเข็ญแก่มนุษยโลกเป็นอันมาก รวมทั้งการเกื้อกูลให้อิสราเอลเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์นานนับปี
ฟิชเชอร์คงต้องเป็นผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลอเมริกันมิอาจลงโทษฟิชเชอร์โดยอ้างบทสัมภาษณ์วิทยุดังกล่าวได้ แต่สามารถลงโทษโดยอ้าง "อาชญากรรม" ในยูโกสลาเวียได้
บ็อบบี ฟิชเชอร์ คงต้องติดคุก เพราะเล่นหมากรุก
แต่จอร์จ บุช จูเนียร์ ผู้ส่งกองทัพเข้าไปเข่นฆ่าประชาชนชาวอิรักผู้บริสุทธิ์ กลับลอยนวลอยู่นอกคุก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น