วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

TTNT ปิดฉาก 4 ตำนานแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น อ่านเรื่องนี้ต่อที่: https://www.kaohoon.com/content/79455


วันที่ 15 มีนาคม ถือเป็นวันที่ตำนานธุรกิจของบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) หรือ TTNT ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ โดยคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ที่ออกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทเด็ดขาด ห้ามทำธุรกรรมใด ยกเว้นการให้เจ้าหนี้ติตต่อกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไปตามขั้นตอนปิดกิจการ
การปิดกิจการดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการยุติการดำเนินกิจการเท่านั้น หากยังเป็นการสิ้นสุดตำนานหลายอย่าง นับแต่ 1)ตำนานว่าด้วยการให้สัมปทานขยายเครือข่ายโทรคมนาคมมีสายไปต่างจังหวัด 2) ตำนานการปรับโครงสร้างหนี้อันซับซ้อน 3) ตำนานของการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการที่ล้มเหลว
ต้นกำเนิดตำนานของ TTNT เริ่มต้นจากการก่อตั้ง บริษัท ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2535 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 100 ล้านบาท เพื่อรับสัมปทานโครงการขยายโครงข่ายโทรศัพท์ 1 ล้านเลขหมายในเขตภูมิภาค จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ ทีโอที) เพื่อตัดแบ่งด้วยข้ออ้างว่า เพราะกลัวการผูกขาดธุรกิจของ กลุ่มซีพี หรือ บริษัท เทเลคอมเอเชีย จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันคือ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
สัญญาสัมปทานดังกล่าว สร้างความฮือฮาอย่างมากตั้งแต่เริ่มแรก เพราะเสนอเงื่อนไขแบ่งผลประโยชน์ให้กับทีโอที มากถึง 43% ของรายได้ ซึ่งสัญญาดังกล่าว ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2535 ในวันที่ 21 กันยายน 2538 โดยที่ต่อมา มีการลงนามเพิ่มขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐานในพื้นที่เขตโทรศัพท์ภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนเลขหมาย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 แสนตารางกิโลเมตร ด้วยการวางสายออพติกไฟเบอร์เป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตร
เงื่อนไขดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกที่ TTNT จะขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็ยังสามารถเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามเงื่อนไขธุรกิจสาธารณูปโภค แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเข้ามาแล้วจะกลายเป็นธุรกจิที่ทำกำไร
ท้ายสุดปฏิบัติการงูที่กลืนกินตัวเองของ TTNT มาถึงที่สุดเมื่อผู้บริหารยอมรับเข้าสู่ศาลล้มละลายกลาง เมื่อทุนจดทะเบียนที่ท้ายสุดเพิ่มมากเป็น 70,000 ล้านบาท ติดลบ
จากนั้นตำนานของการแย่งชิงกันเป็นผู้บริหารแผนก็เริ่มขึ้นโดยใช้เวลาอันยาวนาน เป็นข่าวเป็นระยะๆ ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นทั้งบวกและลบตามกระแสของความขัดแย้งที่ดำเนินไป กินเวลายาวนาน ก่อนที่ในปี 2551 กลุ่มบริษัทภายใต้การนำของ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม เจ้าของฉายาบ๊วยเค็มที่เชื่อว่าตนเองรู้จักบริษัทนี้ดีกว่าใคร ชื่อ พี แพลนเนอร์ ก็เข้ามาคว้าชัยชนะในการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการจากคำสั่งศาลล้มละลายลาง
ตามแผนที่พี แพลนเนอร์เสนอนั้น วาดเอาไว้สวยหรูว่า จะมีการปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ 55 ราย ที่ส่วนใหญ่เป็นเฮดจ์ ฟันด์จากต่างประเทศ ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายกว่า 50% จากเดิมปีละกว่า 1,000 ล้านบาท และหลังการปรับโครงสร้าง จะให้อัตราดอกเบี้ยแค่ 3% ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายเหลือไม่ถึง 500 ล้านบาทต่อปี โดยคาดหมายว่า  น่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2554
ตำนานของการบริหารแผน TTNT ภายใต้อุ้งมือของบ๊วยเค็มดำเนินไปอย่างเงียบเชียบนานถึง 5 ปี โดยไม่มีใครรู้ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวในการฟื้นฟูชัดเจน พร้อมกับงบแสดงฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่ต่อเนื่องทุกไตรมาส จนกระทั่งถึงสิ้นงวดปี 2556 ก็ถูกผู้ตรวจสอบบัญชีไม่แสดงความเชื่อมั่นในงบการเงิน ถูกตลาดห้ามการซื้อขายมานับแต่นั้น
ก่อนหน้าจะถึงวันดังกล่าว ปรากฏในปี 2555 ที่ TTNT แจ้งตลาดฯ เมื่อวันที่  18 ธันวาคม 2555 ว่าได้มีผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับหนึ่งคือ Ayuthaya Limited (มีคนพยายามโยงใยเข้ากับ ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน) ถือหุ้นในสัดส่วน 16.40%  แทนที่ของ Avenue Asia Capital Partners, L.P เดิม
ในขณะที่ชะตากรรมของพี แพลนเนอร์ ก็ไม่ได้ดีกว่ากัน เพราะปลายปี 2556 บริษัทดังกล่าวก็ถูกคำสั่งศาลให้พ้นจากการเป็นผู้บริหารแผน เนื่องจากไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตให้เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯอีก เพราะขาดคุณสมบัติ แต่มีคำอธิบายในภายหลังจากผู้บริหารของ TTNT สั้นๆ แต่คลุมเครือว่าที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูกิจการดำเนินการมาได้ด้วยดี แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของเจ้าหนี้ได้…”
บ๊วยเค็มหายตัวไปจากการเกี่ยวข้องกับ TTNT ตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่ ในปลายปี 2556 ที่ประชุมเจ้าหนี้ของ TTNT มีมติเลือก บริษัท พีซีแอล แพลนเนอร์ จำกัด (PCL Planner) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท เพลินจิต แคปปิตอล จำกัด เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการรายใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 98.35% ของจำนวนหนี้ทั้งหมด หรือมูลหนี้ 2.2 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้รับชำระเงิน (ขณะที่การเสนอตัวของ TT&T ขอเป็นผู้บริหารแผนเองนั้น มีคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 1.65% หรือคิดเป็นมูลหนี้ 378 ล้านบาท)
ผลงานแข่งกับเวลาของ พีซีแอล แพลนเนอร์ ดำเนินเป็นไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกัน ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯก็ออกคำเตือนหลายครั้งให้ผู้บริหารดำเนินการส่งงบการเงินที่ได้รับการรับรองถูกต้อง ก่อนที่จะถูกเพิกถอนกิจการเมื่อครบกำหนด
ผลงานสุดท้ายที่ปรากฏเป็นข่าวของ พีซีแอล แพลนเนอร์ ปรากฏเมื่อกลางปี 2558 เมื่อทำเรื่องให้ TTNT ฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายจาก ACU ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจัสมิน อินเตอรเนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาบังคับให้ ACU โอนขายหุ้นของ TTT BB ให้แก่ผู้ถือหุ้น TT&T พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา ขอให้ศาลมีคำสั่งห้าม ACU มิให้จำหน่ายจ่ายโอน จำนำ หรือก่อให้เกิดภาระผูกพันใดๆ ในหุ้น TTT BB  แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 57 ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ดังกล่าวไปแล้ว 
พ้นจากนั้นแล้ว เรื่องราวของ TTNT ก็เป็นเพียงแค่การนัดหมายเจ้าหนี้และขอเลื่อนการพิจารณาแผนกับกลุ่มเจ้าหนี้ฯในศาล จนกระทั่งล่าสุดถึงได้มีข้อยุติเด็ดขาด
ปิดตำนานของธุรกิจสัมปทานโทรคมนาคมที่เป็นไปไม่ได้ในสัดส่วน 99.99%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น