ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 2 มิถุนายน 2552 16:12:13 น.
ที่ประชุมเจ้าหนี้ บมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T) วันนี้ มีมติเสียงส่วนใหญ่ 20 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 1.98 หมื่นล้านบาท หรือ 74.10% ของมูลหนี้ทั้งหมด เลือกบริษัท พี แพลนเนอร์ เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการปรับโครงสร้างหนี้ TT&T ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากมติเดิมที่เคยเลือกให้ TT&T เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯเอง
"การออกเสียงที่ 74.10% ถือเป็นการลงมติด้วยจำนวนหนี้ 2 ใน 3 จึงเห็นชอบให้พี แพลนเนอร์ เป็นผู้บริหารแผน หลังจากนี้จะเสนอให้ศาลล้มละลายกลางเป็นผู้สั่งแต่งตั้งผู้บริหารแผนอย่างเป็นทางการ"เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ กล่าวในที่ประชุมเจ้าหนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมเจ้าหนี้ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางวันนี้มีเจ้าหนี้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 41 ราย มูลหนี้ทั้งหมด 2.96 หมื่นล้านบาท โดยเจ้าหนี้เสียงส่วนใหญ่ 20 รายดังกล่าวได้ออกเสียงเลือกให้บริษัท พี แพลนเนอร์ ของนายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตประธานคณะกรรมการบริหาร TT&T เป็นผู้จัดทำและบริหารแผนฟื้นฟูฯ
ขณะที่มีเจ้าหนี้ 19 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 6.93 พันล้านบาท หรือ 25.84% ของมูลหนี้ทั้งหมด เลือกให้ TT&T เป็นผู้จัดทำและบริหารแผนฟื้นฟูฯ และเจ้าหนี้อีก 2 รายงดออกเสียง ได้แก่ บง.เกียรตินาคินและบริษัท ภัทรลีสซิ่ง ซึ่งคิดเป็นมูลหนี้ 108 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งนี้ ได้มีการปรับลดมูลหนี้ของเจ้าหนี้รายใหญ่ คือ บมจ.ทีโอที ลงเหลือเพียง 4.84 พันล้านบาท จากการโหวตครั้งก่อนที่มีมูลหนี้ 2.07 หมื่นล้านบาท
นายสมบุญ พัชรโสภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TT&T กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บริษัทไม่กังวลที่เจ้าหนี้โหวตเลือก พี แพลนเนอร์ เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูฯ TT&T จากเดิมที่จะให้บริษัทบริหารแผนเอง และยังต้องรอให้ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบการแต่งตั้งผู้บริหารแผนก่อน ส่วนการที่จะยื่นคัดค้านผลโหวตของเจ้าหนี้ในครั้งนี้หรือไม่นั้น ทางบริษัทก็จะมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
อนึ่ง การโหวตเลือกผู้จัดทำแผนฟื้นฟูฯ TT&T ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 เม.ย.52 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการใหม่อีกครั้งภายใน 40 วัน เนื่องจากศาลฯไม่เห็นชอบให้ตั้ง TT&T เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูฯ เพราะเห็นว่าการประชุมเจ้าหนี้ที่โหวตให้ TT&T เป็นผู้ทำแผนฯนั้นไม่ชอบธรรม บริษัทฯและเจ้าหนี้บางรายมีการสมยอมกันเกี่ยวกับมูลหนี้
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/584531
วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
TT&T เปิดศึกฮัลโหลกรุงเทพฯ หลังรับใบอนุญาต กทช.
Post date: 2006-06-18
กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. - ?ทริปเปิลที? เปิดศึกยึดฮัลโหลในกรุงเทพฯ รับใบอนุญาตจาก กทช.วันนี้ พร้อมเลขหมาย 3 แสนเลขหมาย คลุมทั้งประเทศ เจาะบ้านจัดสรรเกิดใหม่ คาดบริการได้ในปีนี้ มั่นใจธุรกิจรุ่งแน่หลังปลดแอกจากสัมปทานทีโอที ขณะที่ กทช.เล็งออกใบอนุญาตให้ทรู ภายใน ก.ค.นี้ นายประจวบ ตันตินนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ทริปเปิลทรี บรอดแบนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 3 แบบมีโครงข่ายเป็นของตนเอง จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเตรียมงบลงทุน 6,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนขยายโครงข่ายการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์สาธารณะ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) และอื่น ๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และได้รับจัดสรรเลขหมายจำนวน 300,000 เลขหมาย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 100,000 เลขหมาย ส่วนที่เหลือ 200,000 เลขหมายเป็นลูกค้าในต่างจังหวัด โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร กลุ่มบ้านจัดสรร คอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นหลัก คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปีนี้ สำหรับการได้รับใบอนุญาตจาก กทช.ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อธุรกิจของทีทีแอนด์ทีอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาทีทีแอนด์ที ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานในส่วนภูมิภาคจำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย จากบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ทำให้มีข้อจำกัดในพื้นที่การให้บริการเฉพาะในต่างจังหวัดเท่านั้น และไม่สามารถเพิ่มจำนวนเลขหมายได้ แต่หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตจาก กทช.แล้วก็จะสามารถขยายการให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้านนายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ กทช. กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ จะพิจารณาเรื่องการออกใบอนุญาตแบบที่ 3 ให้กับบริษัทในเครือบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาออกใบอนุญาตของบริษัทอื่น ๆ ที่ยื่นเข้ามาด้วย โดยการเร่งออกใบอนุญาตในครั้งนี้ เพื่อการให้บริการบรอดแบรนด์เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ส่วนเรื่องการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมในเทคโนโลยี 3 จี นั้น ในวันที่ 14 มิ.ย.จะเชิญผู้ประกอบการทุกรายเข้ามาระดมความเห็นเพื่อจัดทำหลักเกณฑ์ การออกใบอนุญาต 3 จี หลังจากนั้นจะให้ กทช.พิจารณาและจัดทำประชาพิจารณ์ต่อไป คาดว่าประมาณเดือน พ.ย.นี้ จะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้แล้วเสร็จ. ? สำนักข่าวไทย |
---|
from BANGKOK POST |
TTNT ปิดฉาก 4 ตำนานแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น อ่านเรื่องนี้ต่อที่: https://www.kaohoon.com/content/79455
วันที่ 15 มีนาคม ถือเป็นวันที่ตำนานธุรกิจของบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด
(มหาชน) หรือ TTNT ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ โดยคำสั่งศาลล้มละลายกลาง
ที่ออกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทเด็ดขาด ห้ามทำธุรกรรมใด ยกเว้นการให้เจ้าหนี้ติตต่อกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไปตามขั้นตอนปิดกิจการ
การปิดกิจการดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการยุติการดำเนินกิจการเท่านั้น
หากยังเป็นการสิ้นสุดตำนานหลายอย่าง นับแต่ 1)ตำนานว่าด้วยการให้สัมปทานขยายเครือข่ายโทรคมนาคมมีสายไปต่างจังหวัด
2) ตำนานการปรับโครงสร้างหนี้อันซับซ้อน 3) ตำนานของการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการที่ล้มเหลว
ต้นกำเนิดตำนานของ TTNT เริ่มต้นจากการก่อตั้ง
บริษัท
ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2535 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก
100 ล้านบาท เพื่อรับสัมปทานโครงการขยายโครงข่ายโทรศัพท์ 1 ล้านเลขหมายในเขตภูมิภาค
จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ ทีโอที) เพื่อตัดแบ่งด้วยข้ออ้างว่า
เพราะกลัวการผูกขาดธุรกิจของ กลุ่มซีพี หรือ บริษัท เทเลคอมเอเชีย จำกัด (มหาชน)
(ปัจจุบันคือ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
สัญญาสัมปทานดังกล่าว สร้างความฮือฮาอย่างมากตั้งแต่เริ่มแรก
เพราะเสนอเงื่อนไขแบ่งผลประโยชน์ให้กับทีโอที มากถึง 43% ของรายได้
ซึ่งสัญญาดังกล่าว ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2535 ในวันที่ 21 กันยายน 2538 โดยที่ต่อมา
มีการลงนามเพิ่มขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐานในพื้นที่เขตโทรศัพท์ภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีก
5 แสนเลขหมาย
ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 แสนตารางกิโลเมตร
ด้วยการวางสายออพติกไฟเบอร์เป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตร
เงื่อนไขดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกที่ TTNT จะขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น
แต่ก็ยังสามารถเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามเงื่อนไขธุรกิจสาธารณูปโภค
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเข้ามาแล้วจะกลายเป็นธุรกจิที่ทำกำไร
ท้ายสุดปฏิบัติการ “งูที่กลืนกินตัวเอง” ของ TTNT มาถึงที่สุดเมื่อผู้บริหารยอมรับเข้าสู่ศาลล้มละลายกลาง
เมื่อทุนจดทะเบียนที่ท้ายสุดเพิ่มมากเป็น 70,000 ล้านบาท ติดลบ
จากนั้นตำนานของการแย่งชิงกันเป็นผู้บริหารแผนก็เริ่มขึ้นโดยใช้เวลาอันยาวนาน
เป็นข่าวเป็นระยะๆ
ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นทั้งบวกและลบตามกระแสของความขัดแย้งที่ดำเนินไป กินเวลายาวนาน
ก่อนที่ในปี 2551 กลุ่มบริษัทภายใต้การนำของ นายพิสิฐ
ลี้อาธรรม เจ้าของฉายา “บ๊วยเค็ม” ที่เชื่อว่าตนเองรู้จักบริษัทนี้ดีกว่าใคร
ชื่อ พี แพลนเนอร์ ก็เข้ามาคว้าชัยชนะในการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการจากคำสั่งศาลล้มละลายลาง
ตามแผนที่พี แพลนเนอร์เสนอนั้น วาดเอาไว้สวยหรูว่า
จะมีการปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ 55 ราย
ที่ส่วนใหญ่เป็นเฮดจ์ ฟันด์จากต่างประเทศ ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน
เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายกว่า 50% จากเดิมปีละกว่า 1,000
ล้านบาท
และหลังการปรับโครงสร้าง จะให้อัตราดอกเบี้ยแค่ 3% ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายเหลือไม่ถึง
500 ล้านบาทต่อปี โดยคาดหมายว่า น่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม
2554
ตำนานของการบริหารแผน TTNT ภายใต้อุ้งมือของ “บ๊วยเค็ม” ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบนานถึง
5 ปี
โดยไม่มีใครรู้ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวในการฟื้นฟูชัดเจน
พร้อมกับงบแสดงฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่ต่อเนื่องทุกไตรมาส จนกระทั่งถึงสิ้นงวดปี 2556 ก็ถูกผู้ตรวจสอบบัญชีไม่แสดงความเชื่อมั่นในงบการเงิน
ถูกตลาดห้ามการซื้อขายมานับแต่นั้น
ก่อนหน้าจะถึงวันดังกล่าว ปรากฏในปี 2555 ที่ TTNT แจ้งตลาดฯ เมื่อวันที่
18 ธันวาคม
2555 ว่าได้มีผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับหนึ่งคือ Ayuthaya
Limited (มีคนพยายามโยงใยเข้ากับ
ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน) ถือหุ้นในสัดส่วน 16.40%
แทนที่ของ
Avenue Asia Capital Partners, L.P เดิม
ในขณะที่ชะตากรรมของพี แพลนเนอร์ ก็ไม่ได้ดีกว่ากัน เพราะปลายปี 2556 บริษัทดังกล่าวก็ถูกคำสั่งศาลให้พ้นจากการเป็นผู้บริหารแผน
เนื่องจากไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตให้เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯอีก
เพราะขาดคุณสมบัติ แต่มีคำอธิบายในภายหลังจากผู้บริหารของ TTNT สั้นๆ แต่คลุมเครือว่า “ที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูกิจการดำเนินการมาได้ด้วยดี
แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของเจ้าหนี้ได้…”
“บ๊วยเค็ม” หายตัวไปจากการเกี่ยวข้องกับ
TTNT ตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่ ในปลายปี 2556 ที่ประชุมเจ้าหนี้ของ TTNT มีมติเลือก บริษัท
พีซีแอล แพลนเนอร์ จำกัด (PCL Planner) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท เพลินจิต แคปปิตอล จำกัด
เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการรายใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 98.35%
ของจำนวนหนี้ทั้งหมด
หรือมูลหนี้ 2.2 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้รับชำระเงิน (ขณะที่การเสนอตัวของ TT&T
ขอเป็นผู้บริหารแผนเองนั้น
มีคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 1.65% หรือคิดเป็นมูลหนี้ 378 ล้านบาท)
ผลงานแข่งกับเวลาของ พีซีแอล แพลนเนอร์
ดำเนินเป็นไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯก็ออกคำเตือนหลายครั้งให้ผู้บริหารดำเนินการส่งงบการเงินที่ได้รับการรับรองถูกต้อง
ก่อนที่จะถูกเพิกถอนกิจการเมื่อครบกำหนด
ผลงานสุดท้ายที่ปรากฏเป็นข่าวของ พีซีแอล แพลนเนอร์
ปรากฏเมื่อกลางปี 2558 เมื่อทำเรื่องให้ TTNT ฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายจาก
ACU ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจัสมิน อินเตอรเนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
หรือ JAS ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาบังคับให้ ACU โอนขายหุ้นของ TTT
BB ให้แก่ผู้ถือหุ้น
TT&T พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา
ขอให้ศาลมีคำสั่งห้าม ACU มิให้จำหน่ายจ่ายโอน จำนำ หรือก่อให้เกิดภาระผูกพันใดๆ ในหุ้น TTT
BB แต่ต่อมาเมื่อวันที่
9 ก.ย.
57 ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ดังกล่าวไปแล้ว
พ้นจากนั้นแล้ว เรื่องราวของ TTNT ก็เป็นเพียงแค่การนัดหมายเจ้าหนี้และขอเลื่อนการพิจารณาแผนกับกลุ่มเจ้าหนี้ฯในศาล
จนกระทั่งล่าสุดถึงได้มีข้อยุติเด็ดขาด
ปิดตำนานของธุรกิจสัมปทานโทรคมนาคมที่เป็นไปไม่ได้ในสัดส่วน
99.99%
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)