Central Retail Corporation
เซ็นทรัลเอมบาสซี เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต, เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตตะวันออก, ทอปส์ ซุปเปอร์มาร์เกต, Tritone (อยู่ในประเทศอิตาลี)
บ้านสีลม, สีลมแกลเลอเรีย Jewelry Trade, JJ Market เชียงใหม่
รวมถึงยังมีห้างค้าปลีกขนาดเล็กเช่น Family Mart ด้วย ทางด้าน OfficeMate, PowerBuy, B2S, SuperSports
HomeWorks, Office Depot, ไทยวัสดุ, PageOne (Thailand)
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
สะดวกซื้อ am pm ถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
สะดวกซื้อ am pm ถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า วันที่ 1 ธันวาคม 2553 " เบญจา สุภานนท์" เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้ลงโฆษณา ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ในนสพ. แนวหน้า หน้า 12 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.10175/2553 กองบังคับคดีล้มละลาย 5 ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ประกาศระบุว่า ด้วยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่ง ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ บริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว
ลูกหนี้ ประกอบอาชีพจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 38/105 อาคารไบร์ทตั้นเพลส ซอยศูนย์วิจัย 6 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทย์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ที่ผ่ายคำคู่ความ สำนักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือสำนักงานบังคับคดี ซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งนี้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 4 มกราคม 2554 ซึ่งตรวจได้จากเว็บไซต์ของกลุ่มงานราชกิจจานุเบกษาที่ www.ratchakitcha.soc.go.th
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 ทุนจดทะเบียนในปัจจุบัน 300,000,000 บาท
ที่ตั้ง 38/105 อาคารไบรท์ตั้น ซอยศูนย์วิจัย 6 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10320 และ อาคารบ้านฉางกลาสเฮ้าส์ ถ.สุขุมวิท 25 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
กรรมการบริษัท ประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า วันที่ 1 ธันวาคม 2553 " เบญจา สุภานนท์" เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้ลงโฆษณา ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ในนสพ. แนวหน้า หน้า 12 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.10175/2553 กองบังคับคดีล้มละลาย 5 ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ประกาศระบุว่า ด้วยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่ง ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ บริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว
ลูกหนี้ ประกอบอาชีพจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 38/105 อาคารไบร์ทตั้นเพลส ซอยศูนย์วิจัย 6 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทย์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ที่ผ่ายคำคู่ความ สำนักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือสำนักงานบังคับคดี ซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งนี้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 4 มกราคม 2554 ซึ่งตรวจได้จากเว็บไซต์ของกลุ่มงานราชกิจจานุเบกษาที่ www.ratchakitcha.soc.go.th
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 ทุนจดทะเบียนในปัจจุบัน 300,000,000 บาท
ที่ตั้ง 38/105 อาคารไบรท์ตั้น ซอยศูนย์วิจัย 6 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10320 และ อาคารบ้านฉางกลาสเฮ้าส์ ถ.สุขุมวิท 25 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
กรรมการบริษัท ประกอบด้วย
1. นาย ฮิโรชิ โซฮาร่า
2. นาย เจตต์ คุณเวช
3. นาย สมิธิ โมรากุล
4. นาย พิทักษ์ สมพงษ์
5. นาย กรวิชช์ วังเสาวภาคย์
6. นาย ไกวัล ชุ่มวัฒนะ
7. นาย ธนันต์ สืบศิริ
7. นาย ธนันต์ สืบศิริ
8. นาย วิศิษฎ์ ศิริเวชวราวุธ
ผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย
1. นาย บุญมา สำมะนิด 32.5700% ถือหุ้น 977,000 2. เวิลด์โฟน ช็อป จำกัด 16.8200% ถือหุ้น 504,500
3. พี แอนด์ เอ โฮลดิ้งส์ จำกัด 12.5200% ถือหุ้น 375,700 4. นพกิจรวมทุน จำกัด 8.4600% ถือหุ้น 253,8005. บริษัท เจเอไอซี นิปปอน จำกัด 4.7700% ถือหุ้น 143,000 6. บริษัท เจเอไอซี นิปปอน จำกัด 4.7700% ถือหุ้น 143,000 7. นาง ดิศพงศ์เพ็ญศิริ สุทธิธานี 4.5000% ถือหุ้น 135,000 8. วีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.8000% ถือหุ้น 83,9709. นาย สหัสโรจน์ โรจน์เมธา 2.0000% ถือหุ้น 60,000
ผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย
1. นาย บุญมา สำมะนิด 32.5700% ถือหุ้น 977,000 2. เวิลด์โฟน ช็อป จำกัด 16.8200% ถือหุ้น 504,500
3. พี แอนด์ เอ โฮลดิ้งส์ จำกัด 12.5200% ถือหุ้น 375,700 4. นพกิจรวมทุน จำกัด 8.4600% ถือหุ้น 253,8005. บริษัท เจเอไอซี นิปปอน จำกัด 4.7700% ถือหุ้น 143,000 6. บริษัท เจเอไอซี นิปปอน จำกัด 4.7700% ถือหุ้น 143,000 7. นาง ดิศพงศ์เพ็ญศิริ สุทธิธานี 4.5000% ถือหุ้น 135,000 8. วีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.8000% ถือหุ้น 83,9709. นาย สหัสโรจน์ โรจน์เมธา 2.0000% ถือหุ้น 60,000
10. นาย โสภณ ดีสิทธิ์ 2.0000% ถือหุ้น 60,000 11. นาง สุณี ทวิบุตร 1.6700% ถือหุ้น 50,000
ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า ผลประกอบการของบริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัดในปี 2540 ขาดทุนสุทธิ 91ล้าน ปี 2541 ขาดทุนสุทธิ 163.6 ล้าน
ทั้งนี้ ความเป็นมาของ เอเอ็ม/พีเอ็ม เกิดขึ้นเมื่อ นักธุรกิจไทยกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันซื้อสิทธิประกอบการ (แฟรนไชส์) จาก บริษัท แอตแลนติค ริชฟิลด์ จำกัด (อาร์โก้) สหรัฐอเมริกา จัดตั้งบริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ในปี 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท
เอเอ็ม/พีเอ็มประสบทั้งปัญหาการแข่งขัน การขยายสาขาไม่เป็นไปตามแผน การปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นมาสู่ไม้สอง เมื่อกลุ่มยูคอมเข้ามาถือหุ้น 60% ด้วยสาขาประมาณ 260 แห่งทั่วประเทศ ให้บริษัท เวิลด์โฟน ช็อป จำกัด เป็นผู้บริหารประมาณ 70 แห่ง ที่เหลือเป็นสาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่บริหารโดย บริษัท ปตท.มาร์ท จำกัด
ครั้งนั้น ยูคอม ตัดสิดใจรับกิจการเอเอ็ม/พีเอ็มมาหวังใช้เป็นฐานกระจายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในมือ แต่ด้วยความไม่สันทัดของทีมผู้บริหารที่หมุนเวียนกันเข้ามาพยายามปลุกความเคลื่อนไหวให้เอเอ็ม/พีเอ็มแต่ไม่สำเร็จ ต้นทุนจากค่าสิทธิในการประกอบการ ภาระหนักอึ้งถูกแก้ปัญหาด้วยการขอยกเลิกสิทธิกับบริษัท แอตแลนติค ริชฟิลด์ จำกัด (อาร์โก้) สหรัฐอเมริกา แล้วเปลี่ยนมาเป็นรักบ้านเกิดที่หวังพลังไทยช่วยไทยใต้กระแสต่อต้านค้าปลีกข้ามชาติ ในช่วงเวลานั้นสร้างมูลค่าให้กับตัวธุรกิจ...ขยับไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องล้มลง จนกระทั่งเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารยูคอมจำต้องประกาศรับสภาพรัฐนาวาที่ไปไม่รอดล้างมือออกจากวงการคอนวีเนียนสโตร์
ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า ผลประกอบการของบริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัดในปี 2540 ขาดทุนสุทธิ 91ล้าน ปี 2541 ขาดทุนสุทธิ 163.6 ล้าน
ทั้งนี้ ความเป็นมาของ เอเอ็ม/พีเอ็ม เกิดขึ้นเมื่อ นักธุรกิจไทยกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันซื้อสิทธิประกอบการ (แฟรนไชส์) จาก บริษัท แอตแลนติค ริชฟิลด์ จำกัด (อาร์โก้) สหรัฐอเมริกา จัดตั้งบริษัท เอเอ็ม/พีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ในปี 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท
เอเอ็ม/พีเอ็มประสบทั้งปัญหาการแข่งขัน การขยายสาขาไม่เป็นไปตามแผน การปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นมาสู่ไม้สอง เมื่อกลุ่มยูคอมเข้ามาถือหุ้น 60% ด้วยสาขาประมาณ 260 แห่งทั่วประเทศ ให้บริษัท เวิลด์โฟน ช็อป จำกัด เป็นผู้บริหารประมาณ 70 แห่ง ที่เหลือเป็นสาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่บริหารโดย บริษัท ปตท.มาร์ท จำกัด
ครั้งนั้น ยูคอม ตัดสิดใจรับกิจการเอเอ็ม/พีเอ็มมาหวังใช้เป็นฐานกระจายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในมือ แต่ด้วยความไม่สันทัดของทีมผู้บริหารที่หมุนเวียนกันเข้ามาพยายามปลุกความเคลื่อนไหวให้เอเอ็ม/พีเอ็มแต่ไม่สำเร็จ ต้นทุนจากค่าสิทธิในการประกอบการ ภาระหนักอึ้งถูกแก้ปัญหาด้วยการขอยกเลิกสิทธิกับบริษัท แอตแลนติค ริชฟิลด์ จำกัด (อาร์โก้) สหรัฐอเมริกา แล้วเปลี่ยนมาเป็นรักบ้านเกิดที่หวังพลังไทยช่วยไทยใต้กระแสต่อต้านค้าปลีกข้ามชาติ ในช่วงเวลานั้นสร้างมูลค่าให้กับตัวธุรกิจ...ขยับไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องล้มลง จนกระทั่งเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารยูคอมจำต้องประกาศรับสภาพรัฐนาวาที่ไปไม่รอดล้างมือออกจากวงการคอนวีเนียนสโตร์
ทศท.สร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 บริษัทเพื่อส่งเสริมการขายตลาดบัตรโทรศัพท์
พฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม 2543 18:44:20 น.
กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ทศท.
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยขยายตลาดบัตรโทรศัพท์ แต่งตั้ง 3 บริษัทจำหน่าย TOT CARD และ PIN PHONE 108 เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ
นายธงชัย ยงเจริญ และนายวิทู รักษ์วนิชพงษ์ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ ทศท. ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ TOT CARD และ PIN PHONE 108 กับนายพิทยา เจีย รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด ( มหาชน ) นายวิสิทธิ์ คุณนิรันดร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เวิล์ดโฟน ช็อป จำกัด และ แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายกิฟฟารีน ณ ห้องประชุมองค์การโทรศัพท์ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ
จากการที่ ทศท. ได้ให้บริการบัตรโทรศัพท์ PIN PHONE 108 มาตั้งแต่ปี 2539 และ TOT CARD มาตั้งแต่ปี 2541 นั้น การให้บริการดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายจุดจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกในการซื้อบัตรโทรศัพท์มากขึ้น ทศท. จึงได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายจากภาคเอกชน 3 บริษัท คือ บริษัท ซี พี. เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งมีสาขากว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ บริษัท เวิล์ดโฟน ช็อป จำกัด มีเครือข่ายร้าน AM/PM กว่า 500 สาขา และบริษัทสกายไลน์ ยูนิตี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงชั้นนำมีจำนวนสมาชิกเกือบ 2 ล้านรหัส การขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังคู่สัญญาทั้ง 3 บริษัท นอกจากจะเป็นการสร้างสัมพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในอนาคตแล้ว ยังถือเป็นนโยบายขององค์การโทรศัพท์ฯ ในการพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชนให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น--จบ--
กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ทศท.
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยขยายตลาดบัตรโทรศัพท์ แต่งตั้ง 3 บริษัทจำหน่าย TOT CARD และ PIN PHONE 108 เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ
นายธงชัย ยงเจริญ และนายวิทู รักษ์วนิชพงษ์ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ ทศท. ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ TOT CARD และ PIN PHONE 108 กับนายพิทยา เจีย รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด ( มหาชน ) นายวิสิทธิ์ คุณนิรันดร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เวิล์ดโฟน ช็อป จำกัด และ แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายกิฟฟารีน ณ ห้องประชุมองค์การโทรศัพท์ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ
จากการที่ ทศท. ได้ให้บริการบัตรโทรศัพท์ PIN PHONE 108 มาตั้งแต่ปี 2539 และ TOT CARD มาตั้งแต่ปี 2541 นั้น การให้บริการดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายจุดจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกในการซื้อบัตรโทรศัพท์มากขึ้น ทศท. จึงได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายจากภาคเอกชน 3 บริษัท คือ บริษัท ซี พี. เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งมีสาขากว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ บริษัท เวิล์ดโฟน ช็อป จำกัด มีเครือข่ายร้าน AM/PM กว่า 500 สาขา และบริษัทสกายไลน์ ยูนิตี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงชั้นนำมีจำนวนสมาชิกเกือบ 2 ล้านรหัส การขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังคู่สัญญาทั้ง 3 บริษัท นอกจากจะเป็นการสร้างสัมพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในอนาคตแล้ว ยังถือเป็นนโยบายขององค์การโทรศัพท์ฯ ในการพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชนให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น--จบ--
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)